วันพุธที่ 11 มีนาคม พ.ศ. 2558

กระต่ายกับหนู

กระต่ายกับหนู
กระต่ายกับหนู
กระต่ายกับหนู
กระต่ายหิวโซตัวหนึ่งเที่ยวเดินหาอาหารด้วยความกะปลกกะเปลี้ย

เพราะไม่ได้กินอะไรมาหลายวัน เนื่องจากในฤดูแล้งหญ้าและอาหารในป่าหาได้ยาก

ครั้นมาถึงยุ้งของชาวไร่และหาจนพบรูที่พวกหนูเจาะเอาไว้ เนื่องจากตัวมันผอมมากจึงสามารถมุดเข้าไปกินข้าวโพดในยุ้งได้นับแต่นั้นมาเจ้ากระต่ายก็สุขสำราญจนหาใดเปรียบมิได้ กิน นอน ร้องรำทำเพลงอย่างเพลิดเพลินอยู่แต่ในยุ้งหลายวันผ่านไป

ร่างกายของมันก็เริ่มอ้วนขึ้นๆครั้นเมื่อได้ยินเสียงพวกชาวไร่พากันเข้ามาในยุ้งเพื่อนำข้าวโพดไปขาย เจ้ากระต่ายตกใจพยายามวิ่งหาทางออก “ให้ตายซิ..” เจ้ากระต่ายตกใจวิ่งพล่าน

“ช่องที่เราเข้ามาเคยอยู่แถวๆนี้นี่น่า แล้วนี่มันหายไปไหน มีแต่รูเล็กๆทั้งนั้นเลย”

หนูตัวหนึ่งส่งเสียงหัวเราะด้วยความขบขันก่อนที่จะให้คำแนะนำ “เพื่อนเอ๋ย รูเล็กๆที่เห็นก็คือ ช่องทางเดียวกับที่เจ้าเข้ามานั่นแหละคงต้องรอให้ต้องเจ้าผอมและเล็กลงเท่าเดิมจึงจะออกไปได้




คำค้นหา :

กระต่ายกับหนู

นิทานกระต่ายกับหนู , กระต่ายกับหนู , นิทานกระต่าย , นิทานหนู ,นิทานอีสป,กระต่ายหนู

กระต่ายแหย่เสือ

กระต่ายแหย่เสือ
กระต่ายแหย่เสือ
กระต่ายแหย่เสือ
กระต่ายแหย่เสือ ยังมีเสือตัวหนึ่งนอนหลับอยู่ใต้ต้นไม้ กระต่ายตัวหนึ่งเดินผ่านมา เห็นเสือกำลังนอนหลับ อยู่นึกโกรธว่าเสือชอบจับกระต่ายกินนักจึงถอนต้นหญ้าเอามาแหย่จมูกเสือ เสือตกใจตื่นขึ้นเห็น กระต่าย จึงบอกว่า “ อย่าเล่นน่า” และเสือก็หลับต่อไป กระต่ายก็ถอนต้นหญ้าแหย่จมูกเสือ อีก เสือโกรธมากจึงบอกว่า“เหม่! เดี๋ยวข้าจับกินเสียหรอก กระต่ายเห็นเสือโกรธเช่นนั้นก็วิ่งหนี เสือก็ไล่ตามกระต่าย กระต่ายวิ่งไปเจอขี้ควายเข้ากองหนึ่ง คิดอุบายที่จะแกล้ง เสือ จึงหาดอกไม้มาปักรอบๆ กองขี้ควาย แล้วนั่งลงเอากิ่ง ไม้โบกไล่แมลงวัน ปากก็บ่นพึมพำว่า “ข้าวเหนียวเปียกพระอินทร์ ใครมากินพระอินทร์จะ แช่ง” เสือวิ่งตามพบ กระต่ายแกล้ง เป็นไม่เห็น มือปัดแมลงวัน ปากพึมพำว่า “ข้าวเหนียว เปียกพระอินทร์ ใครมากินพระอินทร์จะแช่ง” เสือเห็นกระต่าย ดังนั้นก็สงสัยจึงถามว่า “ ทำ อะไรน่ะ ” “ ก็คอยปัดแมลงวันไม่ให้มาตอมข้าวเหนียวเปียกของพระอินทร์นี่ไงล่ะ ” กระต่าย ตอบ และชี้ให้ดูกองขี้ควายซึ่งมีดอกไม้คลุมอยู่เต็ม เสือมองดูดอกไม้ แล้วพูดว่า “น่ากินดีนี่ ขอ ลองกินสักคำเถอะ” กระต่ายตอบว่า “ ไม่ได้ถ้ากินพระอินทร์ก็จะแช่งนะ ” เสือลังเล แต่ ความอยากกินมีมากกว่า “ ก็อย่าให้พระอินทร์รู้สิ ขอสักคำเดียวเท่านั้น ” “ ไม่ได้” กระต่าย ตอบเสียงแข็ง และแกล้งพึมพำว่า “ ข้าวเหนียวเปียกพระอินทร์ ใครมากินพระอินทร์จะแช่ง ” เสืออยากกินมากขึ้น “เถอะน่า ขอกินคำเดียวเท่านั้น เราเป็นเพื่อนกันนะ” กระต่ายแกล้งทำ เป็นอิดเอื้อน ในที่สุดก็เอ่ยว่า “ตามใจ กินก็กิน แต่ต้องให้ข้าวิ่งไปไกลๆ ก่อนนะ เดี๋ยวพระ อินทร์มาพบเข้าข้าก็จะแย่” กระต่ายพูด เสือพยักหน้าตกลง กระต่ายจึงวิ่งหนีไปสุดแรงของมัน เมื่อไปไกลพอที่เห็นว่าเสือจะตามมาไม่ทันง่ายๆ จึงตะโกนบอกว่า “ กินเถอะขืนนั่งอยู่ที่นี่ พระอินทร์มาพบเข้า ว่าข้าปล่อยให้แกกินข้าวเหนียวเปียกของท่าน ข้าก็แย่ ” “ ตกลง ” เสือว่า เสือขย้ำกองดอกไม้เข้าเต็มที่ ขี้ควายเลอะเต็มหน้า ส่งกลิ่นเหม็นไปทั่ว เสือรู้สึกโกรธมาก “ไอ้กระต่ายหลอกลวง ข้าจะต้องจับมันกินเสียให้ได้” เสือนึก จากนั้นจึงวิ่งไล่ตามกระต่ายไป โดยเร็ว ข้างฝ่ายกระต่ายวิ่งมาได้พักหนึ่งก็เห็นรังผึ้ง ก็เกิดความคิดที่จะแกล้งเสืออีก จึงหาไม้ ท่อนหนึ่งมาถือ พร้อมกับนั่งลงบ่นพึมพำ ว่า “ เสียงฆ้องของพระอินทร์ ใครได้ยินจะเป็นสุขนัก ” เสือไล่ตามมาทัน เห็นกระต่ายนั่งถือท่อนไม้ หลับตา และนั่งบ่นพึมพำ อยู่ก็สงสัยนัก จึงถามว่า “ ทำอะไรน่ะ ” “ เฝ้าฆ้องพระอินทร์น่ะสิ ” กระต่ายตอบ “ ฆ้องพระอินทร์ดียังไง ” เสือสงสัย “อ๋อ ก็มีเสียเพราะที่สุดละ ใครได้ยินเข้า จะเป็นสุขมากทีเดียว” กระต่ายตอบ เสือได้ยินดังนั้น ก็เกิดอยากฟังเสียงฆ้องขึ้นมาทันที “ ช่วยตีให้ฟังสักทีเถอะน่า” “ ไม่ได้ ๆ พระอินทร์ท่านสั่งไว้ ไม่ให้ใครตีฆ้องนี้เป็นอันขาด ข้าจึงต้องมาคอยเฝ้าอยู่ไงล่ะ ” “ เถอะน่า ข้าตีเองก็ได้ ” กระต่ายแกล้งทำเป็นอิดเอื้อน ในที่สุดก็บอกว่า “ ตามใจ แต่ต้องให้ข้าวิ่งไปให้ไกลเสียก่อนนะ ขืนนั่งอยู่ที่นี่ พระอินทร์มาพบเข้า ว่าข้าปล่อยให้แกตีฆ้องของท่าน ข้าก็แย่ ” “ ตกลง วิ่งไป เร็วๆ เข้าสิ ” “ต้องให้ข้าบอกว่า ตีเถอะ ก่อนนะ จึงค่อยตี ” เสือพยักหน้า กระต่ายรีบวิ่ง ออกไปโดยเร็วที่สุด เมื่อไปได้ไกลพอเห็นว่าเสือจะตามไม่ทันแล้ว กระต่ายก็ตะโกนบอกว่า “ตีเถอะ” เสือยกท่อนไม้ขึ้นฟาดตูมลงไปที่รังผึ้ง รังผึ้งแตกกระจาย ฝูงผึ้งกรูเข้าเล่นงานเสือ ต่อยหน้าตาเสือบวมหมด เสือรู้สึกโกรธยิ่งนัก “ ไอ้กระต่ายหลอกลวง ข้าจะต้องจับมันกินเสีย ให้ได้ ” เสือนึก จากนั้นจึงวิ่งไล่ตามกระต่ายไปโดยเร็ว กระต่ายวิ่งไป วิ่งไป นึกในใจว่า ทีนี้เสือ คงจะเจ็บไม่น้อย สมน้ำหน้าอยากจับพวกกระต่ายกินเก่งนัก แต่เสือก็คงโกรธมากเหมือนกัน กระต่ายคิด เราจะต้องรีบหนีไปให้พ้น พอดีกระต่ายวิ่งมาถึงริมแม่น้ำ จะข้ามไปก็ไม่ได้ ขืนคอย อยู่ ประเดี๋ยวเสือก็จะตามมาทัน กระต่ายคิดอยู่ครู่หนึ่งก็นึกอุบายขึ้นมาได้ จึงร้องตะโกนลงไป ที่แม่น้ำ ว่า “ จระเข้ทั้งหลาย เร็วๆ เข้า พระอินทร์รับสั่งให้หา ” จระเข้ได้ยินเข้าก็ตกใจกลัว พากันรีบลอยขึ้นมาบนผิวน้ำ กระต่ายบอกว่า “ พระอินทร์ท่านสั่งให้เราไปธุระทางฝั่งโน้น ให้ พวกท่านเรียงแถวเข้าเป็นสะพานให้เราเดินข้ามไปเดี๋ยวนี้ ” จระเข้แก่ตัวหนึ่งรู้ว่าเป็นอุบายของ กระต่าย พอกระต่ายมาถึงตนก็แกล้งดำน้ำลงไปเสีย กระต่ายตกลงไปในน้ำ รู้สึกกลัวเป็นอัน มาก “ จระเข้รู้ทันเราเสียแล้ว ” มันคิด “ เราไม่ควรหลอกเขาเลย ” ตอนที่จระเข้แก่ดำน้ำลง ไปนั้น เป็นตอนใกล้ฝั่ง กระต่ายจึงตะเกียกตะกายขึ้นฝั่งได้ แต่ก็สำลักน้ำอยู่หลายครั้ง พอขึ้นฝั่ง ได้ กระต่ายรีบวิ่งหนีไปไม่เหลียวหลัง เมื่อเสือมาถึงฝั่งแม่น้ำ กระต่ายก็วิ่งไปไกลเสียแล้ว


คำค้นหา :

กระต่ายแหย่เสือ

นิทานกระต่ายแหย่เสือ , กระต่ายแหย่เสือ , นิทานกระต่าย , นิทาน ,นิทานอีสป,แหย่เสือ

กระต่ายหมายจันทร์

กระต่ายหมายจันทร์
กระต่ายหมายจันทร์
กระต่ายหมายจันทร์
นานมาแล้ว

กระต่ายหลงรักดวงจันทร์.. หลงรักจนหมดหัวใจ..

ทุกวันเจ้ากระต่ายตัวน้อย จะเฝ้ารอเพียงแต่ว่า.. เมื่อไหร่ดวงอาทิตย์จะลาลับขอบโลก และเมื่อไหร่ดวงจันทรา จะขึ้นมาเยือนฟากฟ้าเสียที

เพียงแค่เห็นเสี้ยวจันทร์ กระต่ายก็ดีใจจนแทบจะเต้นรำหั้ยพระจันทร์ดู และยิ่งได้เห็นจันทร์เต็มดวง กระต่ายก็จะทำอะไรไม่ได้ นอกจากนั่งนิ่งๆ

และเฝ้ามองพระจันทร์อยู่อย่างนั้น จวบจนกระทั่งรุ่งเช้า

ที่จันทราต้องเอ่ยคำลาฟากฟ้าไป และแน่นอน.. ..คืนไหนที่ไร้จันทร์

กระต่ายจะหลั่งน้ำตาริน ดวงดาวนับล้านนับพันบนท้องฟ้า ก็มิอาจมีค่าเท่าดวงจันทราเพียงดวงเดียว

แต่กระต่ายก็อาภัพ จันทร์ไม่เคยเห็นแม้แต่เงาของกระต่าย เพระพระจันทร์หลงรักพระอาทิตย์ แม้ไม่ได้อยู่ร่วมกัน

แต่เพียงได้พบกันไม่กี่นาที บนฟากฟ้าทั้งยามเย็นและยามเช้า เท่านั้นก็พอแล้วสำหรับพระจันทร์

เพระพระอาทิตย์.. อยู่ในดวงใจของพระจันทร์เสมอ ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหนก็ตาม ..เพระรักที่เฝ้ามอบหั้ย.. ..สายตาที่เคยมองหา.. ..จันทราไม่เคยรับรู้..

แต่ก็ดูเหมือนกระต่ายจะไม่โชคร้ายเกินไปนัก เพราะคำอ้อนวอนสุดท้ายของกระต่ายตัวนั้น ล่วงรู้ไปถึงหูของเทพเจ้าบนสรวงสวรรค์ ท่านสงสารกระต่ายอาภัพตัวนั้นนัก

ท่านจึงประดับภาพของกระต่ายลงบนดวงจันทร์ กระต่ายดีใจแม้จะรู้ว่า หัวใจของพระจันทร์ ยังคงมอบหั้ยพระอาทิตย์

..ตลอดมาและตลอดไป. แต่กระต่ายก็ยังดีใจ ที่อย่างน้อยๆ ก็ยังมีกระต่ายในดวงจันทรา




คำค้นหา :

กระต่ายหมายจันทร์

นิทานกระต่ายหมายจันทร์ , กระต่ายหมายจันทร์ , นิทานกระต่าย , นิทาน ,นิทานอีสป,หมายจันทร์

กระต่ายตื่นตูม

กระต่ายตื่นตูม
กระต่ายตื่นตูม
กระต่ายตื่นตูม
กาลครั้งหนึ่ง กระต่ายตัวหนึ่งนอนหลับอยู่ใต้ต้นตาล ขณะที่นอนหลับอยู่นั้น เกิดพายุใหญ่ ทำให้ลูกตาลหล่นลงที่พื้นดิน เกือบถูกกระต่าย กระต่ายตกใจตื่นขึ้น คิดว่าฟ้าถล่ม ไม่ทันได้ไตร่ตรอง

ลุกขึ้นได้ก็วิ่งไปอย่างสุดกำลัง เพราะกลัวความตาย สัตว์อื่น ๆ เห็นกระต่ายวิ่งมาจนเต็มกำลังดังนั้น จึงถามกระต่ายว่า ”นี่ท่านวิ่งหนีอะไรมา” กระต่ายวิ่งพลางบอกพลางว่า “ฟ้าถล่ม”

สัตว์เหล่านั้นได้ฟังกระต่ายบอก ไม่ทันคิด สำคัญว่าฟ้าถล่มจริง ก็พากันวิ่งตามกระต่ายไป หกล้ม ขาหัก แข้งหัก โดนต้นไม้ ตกเหวตายบ้างก็มี ส่วนที่ยังเหลือก็พากันวิ่งหนีต่อไปอีก

จนกระทั่ง มาพบพญาราชสีห์ตัวหนึ่ง เป็นสัตว์มีปัญญา เห็นสัตว์ทั้งหลายพากันวิ่งมาไม่หยุดไม่หย่อน จึงร้องถามว่า… “พวกท่านวิ่งหนีอะไรมา”

กระต่ายจึงเล่าเรื่องให้ราชสีห์ฟัง ราชสีห์ก็เข้าใจทันที จึงถามต่อไปว่า “ฟ้าถล่มที่ตรงไหน จงพาเราไปดูสักที” พอไปถึงใต้ต้นตาลที่กระต่ายนอน

พญาราชสีห์พิเคราะห์ดู เห็นลูกตาลตกอยู่ที่โคนต้น ก็เข้าใจว่าที่แท้เป็นลูกมะตูมตกลงบนใบตาลแห้ง…จึงเกิดเสียงดัง จนเจ้ากระต่ายคิดว่าแผ่นดินถล่ม สัตว์ทั้งหลายเกือยต้องเสียชีวิต เพราะเชื่อตามเสียงผู้อื่นโดยไม่คิดไตร่ตรองให้ดีเสียก่อน

เมื่อรู้สาเหตุแล้ว…จึงประกาศให้สัตว์ทั้งหลายทราบตามคามเป็นจริง… ด้วยความสุขุมรอบคอบรู้จักใช้สติปัญญาไตร่ตรอง…

พญาราชสีห์จึงสามารถรักษาชีวิตสัตว์ทั้งหลายไว้ได้ และนำความสงบสุขมาสู่ป่าใหญ่อีกครั้งหนึ่ง

นิทานชาดกเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า 1). “เมื่อต้องประสบกับเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดอย่างใดอย่างหนึ่ง…ควรมีสติ อย่าผลีผลามด่วนตัดสินใจ…เพราะอาจเกิดผลเสียได้” 2). “อย่าตื่นตกใจโวยวายเชื่อข่าวลือจากผู้อื่น…โดยไม่พิจารณาให้รอบคอบเสียก่อน” 3). “ผู้ที่รู้จักใช้สติปัญญาคิดพิจารณาอย่างรอบคอบจะสามารถค้นพบ…สาเหตุของปัญหาได้”

จากนิทานเรื่องนี้ จึงทำให้เกิดเป็นสำนวนสุภาษิตไทยขึ้นว่า “กระต่ายตื่นตืม” ที่หมายถึง “ใช้เปรียบเทียบคนที่แสดงอาการตื่นตกใจง่าย…โดยไม่ทันคิดพิจารณาให้ถ่องแท้รอบคอบเสียก่อนว่าเป็นจริงหรือไม่…ถ้าเชื่อโดยไม่ได้พิจารณาให้ถ่องแท้…อาจทำให้เกิดความเสียหายได้”




คำค้นหา :

กระต่ายตื่นตูม

นิทานกระต่ายตื่นตูม , กระต่ายตื่นตูม, นิทานกระต่าย , นิทาน ,นิทานอีสป,ตื่นตูม

กระต่ายกับเต่า

กระต่ายกับเต่า
กระต่ายกับเต่า
กระต่ายกับเต่า
มีอยู่ในวันหนึ่ง ได้มีเต่าตัวหนึ่งคลานอย่างช้าๆ มาตามวิสัยของมัน และที่ตรงอีกทางด้านหนึ่งก็ได้มีกระต่ายตัวหนึ่งวิ่งผ่านมา ทางนั้นเข้าอย่างบังเอิญด้วยความรวดเร็ว “ฮิฮิ! นี่เจ้าเต่า นายชอบ ที่จะเดินต่วมเตี้ยม ๆ อยู่อย่างนี้เสมอ ๆ ทำไมนายถึงได้เดินได้ช้าอย่างนั้นเล่า? ” เต่าจึงได้พูดว่า ” ถึงแม้ว่าข้าจะเดินได้ช้า แต่ถ้าพูดถึงเรื่องของความอดทนแล้วข้าไม่เคยแพ้ใคร ”

” นายลองมาแข่งขันวิ่งไปที่บนยอดเขานั่นกับข้าดูเอาไหมล่ะ ? ” กระต่ายเมื่อได้ยินอย่างนั้น ก็หัวเราะลั่นง “ฮ่ะ ฮ้า น่าสนใจมาก เลยทีเดียว แต่รับรองได้ว่าไม่มีทางที่เจ้าจะ เอาชนะข้าไปได้หรอก มันเปรียบเทียบกันไม่ได้เลย” กระต่ายเที่ยวไปเรียกพวกพ้องให้มาชุมนุมกันอย่างทันทีทันใด รวมทั้งให้เป็นกรรมการใน การแข่งขันอีกด้วย ” ทุก ๆ คนมาดูและเป็นสักขีพยานว่าใครจะเป็นผู้ชนะ ในการแข่งขันวิ่งเร็ว ระหว่างเต่าโง่กับตัวข้า..ฮ่ะฮ่ะ ”

” เตรียมพร้อม !,ไป ” พอสิ้นเสียงบอกสัญญาณเริ่มการแข่งขันโดยสุนัขจิ้งจอก แล้วทั้งเต่าและกระต่ายก็เริ่มออกวิ่งไปพร้อม ๆ กัน ” ปิย้อง ปิย้อง ” กระต่าย กระโดดออกวิ่งนำหน้าไปด้วยความเร็วสูง เผลอแผลบเดียวมันก็วิ่งมาจนถึงที่ตรงจุดกึ่งกลาง ของทางระหว่างภูเขา มันจึงได้หยุดวิ่ง ” เจ้าเต่ามันมาถึงไหนแล้วล่ะ ? ” พูดแล้วมันก็ได้หันไปดู และก็ได้เห็นว่าเต่านั้นยังคงคลานตามมาอย่างช้า ๆ มองเห็นไกล ๆ

พวกผู้ชมที่มาชุมนุมกันต่างก็หัวเราะและได้พูดว่า ” ท่านเต่า..ท่านเต่า ท่านนี่ ช่างวิ่งได้ช้ามาก อาจที่จะพูดได้ว่าเดินได้ช้าที่สุดในโลกเลยก็ได้..ฮ่ะฮ่ะ ” แม้ว่าจะได้ยินแบบนั้นแต่เต่าก็ไม่สนใจอะไรยังคงคลานของมันต่อไปด้วยความเงียบสงบอย่าง ตั้งใจเพื่อที่จะให้ไปถึงที่บนยอดเขาโดยไม่คิดที่จะหยุดพักผ่อน ข้างฝ่ายกระต่ายเมื่อรอเท่าไหร่ ๆ ก็ไม่เห็นมีทีท่าว่าเจ้าเต่าจะตามมาทันมันสักที…มันจึงเริ่ม นึกเบื่อกับการรอคอย ” เจ้าเต่ามันยังคงคลานอยู่อีกตั้งไกล นอนรอซักงีบหนึ่งคงได้.. ถึงยังไงมันก็ไม่มีทางที่ตามมาทันได้หรอก” มันพูดแล้วก็ล้มตัวลงนอน แล้วหลับไปตรง ที่กลางทางตรงภูเขานั่นเอง

ในขณะที่กระต่ายกำลังหลับอยู่อย่างสนิท เต่าซึ่งได้เดินมาอย่างไม่คิดที่ จะหยุดพักผ่อนนั้น ” ถึงแม้ว่าขาของข้าจะสั้นเดินได้ช้าก็จริงแต่เรื่องของ ความอดทนแล้วข้าไม่เคยยอมแพ้ให้ใคร ข้าจะต้องทำดีที่สุดเท่าที่ข้าจะทำได้!” หลังจากที่ในขณะที่เต่าได้เดิน มาจนถึงที่ตรงจุดกึ่งกลางของภูเขา พลันมันก็ได้ ยินเสียงหนึ่งซึ่งเป็นเหมือนกับเสียงกรนจากในที่แห่งหนึ่ง ” เสียงกรนที่ไหนนี่… อะฮ้า เจ้ากระต่ายนี่ มันมาแอบนอนหลับอยู่ที่นี่เอง”

ที่ใกล้ ๆ ตรงนั้นกระต่ายกำลังนอนหลับอยู่อย่างสุขสบาย ส่วนเต่านั้น ยังคงที่จะ เดินต่อไป…ทีละก้าว..ทีละก้าวอย่างจริงจังและอดทน และแล้วหลังจากนั้นชั่ว ขณะหนึ่งกระต่ายก็เริ่มรู้สึกตัวและสะดุ้งตื่นขึ้นมา ” เฮ้..เจ้าเต่า มันคลานมาจนถึงที่ไหนแล้วนี่?? ” มันรีบกวาดสายตามองหา แต่ก็ช้าและสายไปเสียแล้ว เพราะเมื่อมันมองไปที่ตรงจุดเส้นชัยที่อยู่บนยอดเขาโน่น มันก็ได้เห็นว่าเจ้าเต่ากำลังแสดง ความยินดีที่ได้รับชัยชนะอยู่อย่างมีความสุข..อยู่ในขณะนั้นเสียแล้ว

นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า “ความพยายามอยู่ที่ไหน ความสำเร็จก็อยู่ที่นั่น”


คำค้นหา :

กระต่ายกับเต่า

นิทานกระต่ายกับเต่า , กระต่ายกับเต่า, นิทากระต่าย , นิทานเต่า ,นิทานอีสป